วันจันทร์, มิถุนายน 29, 2552

เพชรพระอุมา

อ่านเพชรพระอุมา มาครึ่งปีละ ยังไม่ถึงครึ่งนึงเลย
อ่านไปแค่ 17 เล่ม จาก 48 เล่ม!!!
คนเขียนก็คือ พนมเทียน

อ่านแล้ว รู้สึกว่า คนเขียนต้องมีความรู้เกี่ยวกับป่าอย่างมาก
ต้องรู้จักสัตว์ป่า พืชป่า และลักษณะนิสัยของมันทุกชนิด
ซึ่ง เรื่องนี้ใช้เวลาแต่งถึง 25 ปี 7 เดือน

อ่านแล้ว ได้ความรู้หลายๆด้าน เช่น ภาษาที่ใช้เรียกสิ่งต่างๆ
ที่คนที่เกิดในกรุงเทพ อาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตนี้
การเก็บรักษาอาหารในป่า ที่ทำให้อาหารอยู่ได้นาน
เป็น วรรณกรรมไทย ที่มีจินตนาการมาก

อยากให้เพื่อนๆอ่านกัน 5555
จะได้มีสาวก เพชรพระอุมา


วันอังคาร, มิถุนายน 16, 2552

wii




ตอนนี้ชอบเล่นเกม wii  
เกมตีกลองญี่ปุ่นที่ใช้กลอง กับ ไม้ ตีจริงๆ
รู้สึกว่า พอเล่นบ่อยๆแล้วทำให้เราแบ่งประสาทได้เร็วขึ้น
และนำไปใช้ได้จริงในชีวิตเรา
เกม wii สร้างความแตกต่างจากผู้สร้างเกมรายอื่น
ตรงที่ ทำให้การเล่นเกม ได้เคลื่อนไหวร่างกายจริงๆ รวมถึงเกม wii fit
ที่ทำให้เราสามารถเล่นโยคะได้ จากเกม

รวมทั้ง เกม wii สามารถทำลายความคิดที่มีมานานของคนทั่วไปได้ ว่า
เกมเป็นสิ่งที่เล่นมากๆแล้วไม่ดี  และ เป็นของเล่นสำหรับเด็กเท่านั้น
เกม wii เป็นเกมที่ผู้ใหญ่ อยากซื้อให้เด็กมากกว่าเกมอื่นๆ
และ ตัวเองก็สามารถร่วมเล่นได้ด้วย 
เป็นการสร้างกิจกรรมในครอบครัวอีกทางหนึ่งด้วย

ซึ่งเป็นเพราะว่า nintendo สามารถตอบคำถามต่างๆ
ที่ microsoft และ sony ไม่สามารถตอบได้ตรงจุด
ดูได้จากยอดขายที่ xbox และ play 3 ไม่สามารถสู้ได้นั่นเอง

วันจันทร์, มิถุนายน 15, 2552

สติ สัมปชัญญะ



อ่านหนังสือ เล่มนึง ที่่พูดถึง สติ และ สัมปชัญญะ
สติ คือ การรู้ในสิ่งที่เคยทำในอดีตและสิ่งที่กำลังจะทำในอนาคต
สัมปชัญญะ คือ การรู้สิ่งที่กำลังทำในปัจจุบัน
ซึ่งถ้ามีสติ ก็จะ เกิด สัมปชัญญะ ตามมา
และ มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มี

แต่เราอาจจะใช้ชีวิต ที่เป็นปกติของเรา โดยขาด สติ สัมปชัญญะ
ถ้ามี สติ สัมปชัญญะ จะทำให้เรามองเห็นภาพรวม
ซึ่งจะทำให้เห็นความสัมพันธ์และโครงสร้างภายในทั้งหมดของสิ่งนั้น
และรู้วิธีแก้ไข มากกว่าคนที่มอง ไปจุดๆเดียว

ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้กับงานทุกๆอย่าง
เพราะฉะนั้น
ขอให้เพื่อนๆมีสติ+สัมปชัญญะกับสิ่งที่กำลังทำอยู่นะ

วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 11, 2552

อ่านความคิด




เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้ไปเจอนิตยสารเล่มนึง 
เห็นหน้าปกคุ้นๆ ก็เลยจำได้ว่าเป็นรุ่นน้องผู้หญิงที่รู้จักกันตอนม.ปลาย

เมื่อประมาณ สี่ปีที่แล้ว 

รุ่นน้องคนนี้เค้าเป็นคนที่สามารถอ่านความคิดคนอื่นได้!!!
(เหมือนในหนังเรื่อง twilight เลยหว่ะ!! ที่พระเอกอ่านใจคนในร้านอาหาร)

ที่รู้ก็เพราะว่าเคยได้ยิน กิตติศัพท์มาก่อนแล้ว 
และก็เจอกับตัวเองด้วย เช่น ตอนที่คุยกัน ยังไม่ทันจะถามเลย เค้าก็ตอบมาก่อนแล้ว
หลายคำตอบด้วย และก็ตรงกับคำถามที่กำลังจะถามหมดเลย
และก็เป็นแบบนี้อยู่สองสามครั้ง
ด้วยความอยากรู้ ก็เลยลองถามไปว่า 
เห็นความคิดคนอื่นออกมายังไง ลอยมาเลย หรือว่ารู้สึกได้เอง
เค้าก็บอกว่า มันรู้สึกได้เองเลย

ความรู้สึกแรกๆที่เกิดขึ้นคือ เจ๋งดีหว่ะ!!
แต่เมื่อลองมาคิดดูแล้ว ว่าการที่ได้รับรู้ความคิดอื่น มันจะดีจริงหรือ
อาจจะรู้สึกแย่ก็ได้ เมื่อได้รู้ถึงความคิดที่แท้จริงของมนุษย์
ที่ไม่ใช่สิ่งที่คนเราแสดงออกต่อกันด้านหน้า แต่เป็นภายใน 
และในเมื่อเพื่อนรู้ว่าเค้าอ่านความคิดได้ ก็พยายามที่จะปกปิดความคิดตัวเอง
หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือ พยายามอยู่ห่างๆ

สรุปแล้ว การอ่านความคิดคนอื่นได้ เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี
ถ้าเราไม่สามารถควบคุมมันได้???

วันพุธ, มิถุนายน 10, 2552

ต้นไม้ข้างถนน



เมื่อสองสามวันก่อน (อีกแล้ว)
นั่งรถกลับบ้านตัวเอง แถวๆพระราม 3 นั่งมองไปเรื่อย
ไปเจอต้นไม้ที่กทม.ปลูกไว้ข้างถนน ที่รากมันลงไปใต้กระเบื้องนั่นหล่ะ
ต้นใหญ่ๆ กิ่งก้านหนาๆ

แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือ... 
มันเพิ่งโดนตัดใบไปจนหมด เหลือแต่ก้าน กับ ลำต้น
ตอนแรกท่านแม่ของผมก็บอกว่า พวกที่ขายของแถวนั้นคงตัด
เพื่อไม่ให้มาบังร้านตัวเอง  
นี่ก็อาจจะเป็นความคิดในแวบแรกของคนที่ทำการค้ามาเกือบสามสิบปี 
เป็นความเคยชินที่มองอะไรก็อาจจะเกี่ยวกับการค้าขายไว้ก่อน
นับถือจริงๆจ้ะ

แต่พอขับรถผ่านไปเรื่อยๆ เฮ้ย ไม่ใช่แล้วนี่หว่า!!
มัน โกร๋นทุกต้นเลย ก็เลยพอเข้าใจได้ว่า ไอ้ก้านกับใบของต้นไม้
มันไปเกี่ยว เอาเข้ากับสายไฟบนเสาไฟฟ้า ซึ่งอาจจะทำให้ไฟดับได้

แต่ว่า ตัดไปแต่ใบเนี่ยนะ!!! เพื่อ...

ในแง่ทัศนียภาพ ทุเรศมากครับ! เห็นมากับตา 
ถ้าเป็นเรื่องที่เป็นสาเหตุทำให้ไฟดับ ก็เห็นด้วยที่ตัดใบทิ้ง
แต่ถ้าตัดทั้งต้นไปเลยหล่ะ... 
ต้นไม้ที่เหลือแต่ต้น จะช่วยกรุงเทพได้ในด้านไหนบ้าง
ให้ ออกซิเจน ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใบ
ช่วยดูดน้ำเวลาน้ำท่วม หรอ?  มันอยู่บนฟุตบาทหน่ะ น้ำคงไม่ท่วมไปถึงขนาดนั้นมั้ง
ทัศนียภาพก็ดูแย่ลงกว่าเดิม

ลองมาช่วยกันคิดหน่อยว่า มีด้านดี อะไรบ้าง


วันอังคาร, มิถุนายน 09, 2552

รถขายสติกเกอร์



เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเจอรถขายสติกเกอร์
ที่นานๆจะเจอสักทีนึง และ ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
รถขายสติกเกอร์ ก็คือ รถจักรยานที่ด้านหน้าต่อเป็นร้านขึ้นมา เพื่อวางของ
ทั้งคันจะขายสติกเกอร์อย่างเดียว เช่น รูปการ์ตูน รูปภาพ หรือ คำพูดต่างๆ

คำถามที่สงสัย ก็คือ
ทำไม รถขายสติกเกอร์ถึงมีรูปร่าง ลักษณะ คล้ายๆกันทุกคัน? 
ใครเป็นคนกำหนดลักษณะของมัน ว่าต้องมีสติกเกอร์ท่วมๆทั้งคัน!?

ทำไม ถึงต้องขายสติกเกอร์อย่างเดียว ไม่ขายอย่างอื่นด้วย?
ซึ่งน่าจะมีสินค้าอะไรที่ขายคู่กันได้อยู่
 
ในหนึ่งวัน จะมีใครต้องการสติกเกอร์ไปแปะอะไร ที่ไหน
ถึงกับสามารถทำเป็นอาชีพได้ 
(**ไม่ใช่ร้านสติกเกอร์ตามห้าง ที่สามารถออกแบบได้เอง)

คำตอบที่ลองตอบกับตัวเอง เช่น 
ถ้าเราขายสติกเกอร์คู่กับอย่างอื่น หรือ จัดให้แตกต่างกับคันอื่น 
เราอาจจะเป็นรถขายสติกเกอร์ที่น่าสนใจมากกว่าคันอื่นๆ
หรือ กลุ่มลูกค้าของรถขายสติกเกอร์อาจจะเป็น กลุ่มคนขับรถบรรทุก หรือ แท็กซี่ 
ที่แปะ คำพูดต่างๆ ไว้ท้ายรถ แต่คันละสองสามอันก็น่าจะพอนะ 
แล้วไปขายใครอีกหล่ะ??

ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนประกอบเล็กๆในชีวิตเรา ที่อาจจะไม่ได้สนใจและปล่อยมันผ่านไป 
แต่ถ้าเราลองสังเกตดูและคิดต่อ ก็อาจจะได้อะไรๆมากขึ้น

...