วันอาทิตย์, สิงหาคม 23, 2552

กระบวนการ และ ผลลัพธ์



เมื่อคืนเข้าบ้านไม่ได้ ต้องรอคนอื่นกลับมา
เลยคุยกับทิปปี้ สรุปไปนั่งกินเบียแถวบ้านทิปปี้กัน

นั่งคุยๆกันไป มีเพื่อนอีกคนตามมา แล้วก็พี่เจ้าของร้าน
ทิปปี้ ก็พูดว่า "บางทีผู้หญิงก็ชอบทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้แหละ"
คุยกันเกี่ยวกับว่า ทิปปี้เวลาเบื่อๆ ก็จะไปเดินชอปปิ้งโดยไม่ได้ซื้อของกลับไป 
มาสระผม ทั้งๆที่สระเองได้

ผมก็เลยรู้สึกว่า ผู้หญิง น่าจะสนใจในกระบวนการมากกว่าผลลัพธ์ รึป่าว
พอใจที่ได้ทำ มากกว่า ผลที่จะได้
อย่างเช่น การไปเดินซื้อของ ก็จะมีความสุข แม้ว่าจะไม่ได้ของมาสักชิ้นนึง
ทั้งๆที่เดินไปหลายชม. หรือว่า อาจจะไปถึงเรื่อง sex เลยก็ได้ (18+) 555
โดยส่วนใหญ่ ผู้หญิงเกิดอารมณ์ได้ยากกว่าผู้ชาย 
จึงทำให้ ผู้หญิงใส่ใจในรายละเอียดของกระบวนการมากกว่าผลลัพธ์ที่ได้

อาจจะเป็นเพราะธรรมชาติสร้างผู้หญฺิงขึ้นมาให้เป็นแบบนี้เลยก็ได้
มีความรับผิดชอบมากกว่าผู้ชาย
ต้องตั้งท้อง 9 เดือน 
ต้องเลี้ยงลูกอีกหลายปีกว่าจะโตพอ

บางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องงี่เง่า
ลองคิดดูถ้าผู้หญิงทั้งโลกมีนิสัยแบบพวกเราผู้ชาย
โลกนี้จะไม่น่าอยู่   ขนาดไหน...



วันอาทิตย์, สิงหาคม 02, 2552

กรวย กับ ต้นไม้



วันนี้ขับรถไปซอยทองหล่อ เพื่อจะไปที่ starbucks
เดินมาถึงซอย 13 เหลือบไปเห็นกรวยจราจรซ้อนกัน 2-3 อัน ตรงหัวมุมพอดี
ก็น่าจะเป็นเรื่องปกติ

แต่ว่า ตรงกลางกรวย มีต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่โผล่ขึ้นมาประมาณเกือบๆฟุตนึง
วินมอ'ไซ แถวนั้นน่าจะเอาไปครอบไว้
ซึ่งพอเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกตาและให้ข้อคิดดีๆ 
ที่ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับ การสร้างมลพิษ  การจราจร มาเป็นสิ่งที่ค้ำจุนให้ ต้นไม้ต้นเล็กๆ
ซึ่งแน่นอนว่าต้องล้ม ถ้าไม่มีอะไรมายันไว้ สามารถยืนอยู่ได้
แล้วบรรยากาศรอบๆก็เป็น ควันรถ รถวิ่งสวนกัน คนเดินไปมา ได้ฟีลมาก

คนที่เอากรวยมาครอบ ก็อาจจะคิดแค่ว่า มันจะล้ม 
จะเอาอะไรที่ไหนมายันมันไว้วะ แถวนั้นก็มีแต่ของแบบนี้ 

แต่พอครอบไปแล้ว 
ภาพที่ออกมา คนที่เห็นต้องหยุดคิดกันเลยทีเดียว


วันเสาร์, สิงหาคม 01, 2552

หนีตามกาลิเลโอ



ไปดูหนังเรื่อง หนีตามกาลิเลโอ มา
ชอบประโยคที่ เรย์ แมคโดนัลด์ พูดประมาณว่า
มาเที่ยวปารีส เคยไปทั่วรึยัง หรือไปแค่ตามสถานีรถไฟ กับ หอไอเฟล

รู้สึกว่า เวลาเราไปต่างประเทศ​ เรามักจะไปแค่สถานที่สำคัญๆ
โดยที่เราได้เก็บหลักฐานโดยการถ่ายรูปไว้ ว่าเราไปที่นี่มา
แต่เราสามารถรู้ได้โดยความรู้สึกจิงๆรึป่าว
ว่าความรู้สึกในการที่เราไปมานั้นเปนยังไง

หรือแม้แต่ในกรุงเทพฯก็ตาม เมืองที่เราอยู่มาเกิน 20 ปี
เราอาจจะได้ความรู้สึกนั้น เพราะอยู่มานาน
แต่เราเคยไปมาทั่วรึยัง
ไปมาทั่วก็ไม่ได้หมายถึงแค่ว่า นั่งรถ เท่านั้น
เราเคยเดินไปตามถนน ซอยเล็กๆ แถวบ้านรึป่าว

มุมมองอาจจะต่างไปจาก ความเป็นกรุงเทพฯที่เราเคยรู้จัก เคยเห็น
แบบคนละเรื่องเลยทีเดียว

 

วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 30, 2552

ห้องน้ำ เยาวราช



ขับรถ จะไปกินก๋วยจั๊บที่เยาวราช 
อยู่ดีๆก็ปวดฉี่ เลยจะไปเข้าบ้านเพื่อนซะหน่อย แต่เพื่อนไม่อยู่บ้าน
"จะทำไงดีวะ" คิดในใจ 
เพราะแถวนั้นมีแต่ห้องน้ำของร้านอาหาร แต่ร้านที่จะกิน มันไม่มี
เลยเดินๆไปเรื่อยๆ หาห้องน้ำ ก็เจอ โลตัส อยู่ในซอบแคบๆ
ขึ้นไปชั้นสอง เสียสามบาทด้วย

เข้าไปก็เจอกับ สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของการดับกลิ่น
คือ มะนาวครึ่งลูก 5-6 อัน ที่อยู่ใน โถฉี่
มันอยู่ในนั้นมานานแค่ไหนไม่มีใครรู้ อย่างเร็วสุดก็คงเช้าวันนี้
เรื่องของกลิ่น ไม่ต้องพูดถึง มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย
แถมกลิ่นยังแรงขึ้นอีก อาจจะเพราะ คนทำความสะอาดคิดว่า
มันน่าจะสะอาดแล้ว เพราะใส่ไปตั้ง 5-6 อันแน่ะ
เลยไม่ทำความสะอาดซะเลย ทั้งวัน

ที่มันสะอาดเพราะภาพที่เห็น แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่
ก็ให้ความหมายเดียวกันกับ เครื่องวัดอุณหภูมิที่สุวรรณภูมินั่นแหละ


moderndog



ขับรถกลับบ้าน นั่งฟังเพลง modern dog ที่เป็น live แบบ acoustic
ฟังกี่ครั้ง ก็เพราะ ทั้งอารมณ์ แล้วก็ เสียง จังหวะดนตรี
วงนี้ก็มีมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังมีกันแค่ 3 คนเหมือนเดิมตลอด
ซึ่งที่ขาดไปคือ มือเบส ซึ่งเวลาเล่นสด ก็มักจะไปยืมของวง zeal บ้าง วงอื่นบ้าง

ก็เลยสงสัยว่า ทำไมถึงไม่หามือเบส ซักคนมาเล่นประจำไปเลย
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลำบากวุ่นวาย กับการหาคนมาเล่น

อาจจะเป็นเพราะว่า บางสิ่งที่มันลงตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องการอะไรมาเพิ่มเติม
ถ้าเพิ่มหรือยัดเยียดมันเข้ามา ก็อาจทำให้อะไรๆเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง

เหมือนอย่างเวลาทำงาน เราอยากใส่บางอย่างลงไป 
แต่มันไม่ได้เข้ากันกับตัวงานที่ทำอยู่เลย

ซึ่ง ทางดนตรีแบบ moderndog ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ซะที่ไหน

วันเสาร์, กรกฎาคม 25, 2552

เทคโนโลยี



วันนี้ไปหาหมอตามา ไปวัดสายตา ซึ่งไม่ได้วัดมาถึง 2 ปี

มีเครื่องมือ อุปกรณ์มากมาย ที่ทำให้รู้ว่าสายตาเราสั้น ยาวหรือเอียงแค่ไหน

โดยใช้เวลาแค่ไม่ถึงนาที

เทคโนโลยี ให้ความสะดวกสบาย แก่เรามาก


แต่ผมลองมองกลับกันว่า เพราะเทคโนโลยี รึเปล่า 

ที่ทำให้คนเราเกิดปัญหากับตัวเองมากขึ้น อย่างเช่น เรื่องของสายตา

โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ทำให้เด็กสายตาสั้นเร็วขึ้น และ เพิ่มขึ้น


แล้วสุดท้ายเราก็ต้องใช้เทคโนโลยีมาแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

เหมือนทุกๆปัญหา เช่นเดิม





วันอังคาร, กรกฎาคม 14, 2552

วันนี้นั่งดูรูปถ่าย เมื่อตอนที่ไปสถานที่ต่างๆ ประเทศต่างๆ
แล้วก็กลับมานั่งคิดว่า ถ้าเราในตอนนี้ไปอยู่ในเวลานั้น
เราน่าจะเจออะไร และ ได้คิดอะไรมากกว่าตัวเราในตอนนั้น
ซึ่งผมชอบความคิดแบบนี้นะ
มันทำให้รู้สึกว่า ความคิดเราไม่ได้หยุดอยู่กับที่
เหมือนกับเวลาเรากลับไปมองงานที่เราทำเมื่อตอนปี 1
แล้วก็ไม่พอใจ คิดว่าตอนนี้ทำได้ดีกว่า
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี ที่เราไม่ได้พอใจในงานตัวเอง เมื่อเวลาผ่านไป
เพื่อนๆก็ลองมองกลับไปดูรูปเก่าๆบ้าง
อาจจะเห็นอะไรที่ แปลกไปกว่าช่วงเวลานั้น

วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 09, 2552

ใกล้ ไกล



วันนี้นั่งๆนอนๆอยู่ เอาอะไรไม่รู้ที่มีรูเป็นรูปดาว (รู้สึกว่าจะเป็นหวี) มานั่งมอง
มองไปมองมา มองปกติ ก็เป็นรูปดาวธรรมดา
แต่พอเอาเข้ามาใกล้ๆ มันก็กลายเป็นรูปดาวแบบ มนๆ เบลอๆ
พอมองด้านข้าง แบบเอียงนิดนึง แม่งเป็นเส้นตรง

ก็เลยรู้สึกว่า อื้มมม ก็เหมือนที่เราเรียนอยู่เลยนะ
การมองอะไรหลายๆด้าน ก็ทำให้เห็นอะไรหลายๆอย่าง
จากสิ่งๆเดียวกันนี่แหละ
เจอมุมมองใหม่ๆ เพราะ มองมุมใหม่ๆ

แล้วยังเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย เวลาเจอเรื่องแย่ๆ
เพียงแต่เราลองมองดูจากมุมอื่นรึยังหล่ะ?



วันอาทิตย์, กรกฎาคม 05, 2552

ปลอม



วันนี้ผมใส่เสื้อเชิ้ต polo ของปลอม ไปกินข้าวในโรงแรมครับ

โดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยสนใจกับคำว่า "ของปลอม" เท่าไหร่
ถ้าคุณภาพมันไม่ได้ต่างกับ "ของจริง" มากนัก
หรือ ดูไม่ออกจนเกินไป เช่น โลโก้ ไนกี้กลับหัว อะไรแบบนั้น

แล้วไม่สนใจตรงไหน นี่เค้าเรียกสนใจแล้วหล่ะ แต่ยังพออนุโลมได้

แล้วอะไรคือจริง และ ปลอม
อย่างบางคน ใส่ของจริงทั้งตัว แต่ยังไง๊ ยังไงก็ดูเหมือนของปลอม
นั่นหมายถึงว่า ไม่ได้อยู่ที่เราแล้วว่าใส่ของจริงหรือปลอม
แต่อยู่ที่ความคิดของคนที่มองเราต่างหาก

เราไม่ได้พอใจที่เราใส่ของจริง แต่เราพอใจที่คนอื่นมองว่าเราใส่ของจริง
(ยกเว้นไว้สำหรับพวกบ้าแบรนด์จริงๆ ที่ใส่ของถูกแล้วคัน)
เราทำไปเพื่อให้คนอื่นรู้สึกดีกับตัวเรา 
แต่มันดีกับเราจิงรึเปล่า
ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น เงิน ความจำเป็น ความต้องการ 

ซึ่งตัวผมเอง ก็มีของหลายชิ้นที่มีราคา แต่ก็เป็นเพราะ สังคมด้วย
เช่น เวลาไปงานต่างๆ สังคมนั้นก็จะมองที่การแต่งตัว
หรือสิ่งที่อยู่ภายนอก ก่อน

เพราะฉะนั้น เราส่วนใหญ่ ก็อยากที่จะทำให้คนอื่น
มองว่าเราดูดี (ในความคิดแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน)
บางคนอยากเซอร์ ฮิปฮอป เด๊ป ไฮโซ อีโม อะไรก็ว่ากันไป

แต่เป็นตัวเองก็น่าจะเหมาะสมและดีที่สุด 

ของจริง ไม่มีปลอม

วันเสาร์, กรกฎาคม 04, 2552

จิต



เรื่องของจิต 
จิตเป็นตัวรับสิ่งต่างๆที่เข้ามากระทบ
อย่างเช่นเวลามีเสียงมากระทบหูเรา ถ้าไม่ได้ใช้จิต เราก็จะทำได้แค่ได้ยิน
แต่ไม่ได้ฟัง
เหมือนที่เราโดนกันบ่อยๆใน class นั่นแหละ !!! 555

เหมือนกับเวลามีคนมาด่าเรา ถ้าเราไม่ได้ยิน หรือว่า ได้ยิน แต่ไม่ได้ฟัง
จิตไม่ได้ไปรับคำด่าเหล่านั้น เราก็จะไม่รู้สึกอะไร
แต่ถ้าจิต ไปรับคำเหล่านั้นเข้ามา ก็จะทำให้เรารู้สึกถึงอารมณ์ต่างๆ
โมโห โกรธ

แต่ถ้าเราฝึกจิตเรา เราก็จะสามารถควบคุมมันได้
ถึงได้ยิน ได้ฟัง แต่ควบคุมจิตให้ไม่โกรธได้
เข้าใจถึง ความเป็นมาเป็นไป ต่างๆ ว่า
ทำไม ถึงเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา

เราในวัยนี้ ก็อาจจะมีเรื่องบางเรื่อง ที่เคยคิดว่า
เออ ตอนเด็กๆ เราจะไปโกรธคนนั้นทำมัยวะ
พอกลับไปมองดูเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากๆ
แต่ตอนนั้นไม่ไร้สาระนี่
ก็เพราะตอนนั้นเรายังไม่มีสติมากพอที่จะแยกแยะอะไรต่างๆ

เหมือนที่อาจารก็มองว่า พวกเรายังสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้
cd5 ตอนนี้ เราอาจจะยังไม่สามารถคิดได้แบบนั้น
แต่เราก็รู้แล้วว่ามันยังมีทางไปได้อีก
เราเจอสิ่งที่เราไม่รู้แล้ว ก็ต้องหาทางทำให้รู้และเข้าใจให้ได้

วันจันทร์, มิถุนายน 29, 2552

เพชรพระอุมา

อ่านเพชรพระอุมา มาครึ่งปีละ ยังไม่ถึงครึ่งนึงเลย
อ่านไปแค่ 17 เล่ม จาก 48 เล่ม!!!
คนเขียนก็คือ พนมเทียน

อ่านแล้ว รู้สึกว่า คนเขียนต้องมีความรู้เกี่ยวกับป่าอย่างมาก
ต้องรู้จักสัตว์ป่า พืชป่า และลักษณะนิสัยของมันทุกชนิด
ซึ่ง เรื่องนี้ใช้เวลาแต่งถึง 25 ปี 7 เดือน

อ่านแล้ว ได้ความรู้หลายๆด้าน เช่น ภาษาที่ใช้เรียกสิ่งต่างๆ
ที่คนที่เกิดในกรุงเทพ อาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตนี้
การเก็บรักษาอาหารในป่า ที่ทำให้อาหารอยู่ได้นาน
เป็น วรรณกรรมไทย ที่มีจินตนาการมาก

อยากให้เพื่อนๆอ่านกัน 5555
จะได้มีสาวก เพชรพระอุมา


วันอังคาร, มิถุนายน 16, 2552

wii




ตอนนี้ชอบเล่นเกม wii  
เกมตีกลองญี่ปุ่นที่ใช้กลอง กับ ไม้ ตีจริงๆ
รู้สึกว่า พอเล่นบ่อยๆแล้วทำให้เราแบ่งประสาทได้เร็วขึ้น
และนำไปใช้ได้จริงในชีวิตเรา
เกม wii สร้างความแตกต่างจากผู้สร้างเกมรายอื่น
ตรงที่ ทำให้การเล่นเกม ได้เคลื่อนไหวร่างกายจริงๆ รวมถึงเกม wii fit
ที่ทำให้เราสามารถเล่นโยคะได้ จากเกม

รวมทั้ง เกม wii สามารถทำลายความคิดที่มีมานานของคนทั่วไปได้ ว่า
เกมเป็นสิ่งที่เล่นมากๆแล้วไม่ดี  และ เป็นของเล่นสำหรับเด็กเท่านั้น
เกม wii เป็นเกมที่ผู้ใหญ่ อยากซื้อให้เด็กมากกว่าเกมอื่นๆ
และ ตัวเองก็สามารถร่วมเล่นได้ด้วย 
เป็นการสร้างกิจกรรมในครอบครัวอีกทางหนึ่งด้วย

ซึ่งเป็นเพราะว่า nintendo สามารถตอบคำถามต่างๆ
ที่ microsoft และ sony ไม่สามารถตอบได้ตรงจุด
ดูได้จากยอดขายที่ xbox และ play 3 ไม่สามารถสู้ได้นั่นเอง

วันจันทร์, มิถุนายน 15, 2552

สติ สัมปชัญญะ



อ่านหนังสือ เล่มนึง ที่่พูดถึง สติ และ สัมปชัญญะ
สติ คือ การรู้ในสิ่งที่เคยทำในอดีตและสิ่งที่กำลังจะทำในอนาคต
สัมปชัญญะ คือ การรู้สิ่งที่กำลังทำในปัจจุบัน
ซึ่งถ้ามีสติ ก็จะ เกิด สัมปชัญญะ ตามมา
และ มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มี

แต่เราอาจจะใช้ชีวิต ที่เป็นปกติของเรา โดยขาด สติ สัมปชัญญะ
ถ้ามี สติ สัมปชัญญะ จะทำให้เรามองเห็นภาพรวม
ซึ่งจะทำให้เห็นความสัมพันธ์และโครงสร้างภายในทั้งหมดของสิ่งนั้น
และรู้วิธีแก้ไข มากกว่าคนที่มอง ไปจุดๆเดียว

ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้กับงานทุกๆอย่าง
เพราะฉะนั้น
ขอให้เพื่อนๆมีสติ+สัมปชัญญะกับสิ่งที่กำลังทำอยู่นะ

วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 11, 2552

อ่านความคิด




เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้ไปเจอนิตยสารเล่มนึง 
เห็นหน้าปกคุ้นๆ ก็เลยจำได้ว่าเป็นรุ่นน้องผู้หญิงที่รู้จักกันตอนม.ปลาย

เมื่อประมาณ สี่ปีที่แล้ว 

รุ่นน้องคนนี้เค้าเป็นคนที่สามารถอ่านความคิดคนอื่นได้!!!
(เหมือนในหนังเรื่อง twilight เลยหว่ะ!! ที่พระเอกอ่านใจคนในร้านอาหาร)

ที่รู้ก็เพราะว่าเคยได้ยิน กิตติศัพท์มาก่อนแล้ว 
และก็เจอกับตัวเองด้วย เช่น ตอนที่คุยกัน ยังไม่ทันจะถามเลย เค้าก็ตอบมาก่อนแล้ว
หลายคำตอบด้วย และก็ตรงกับคำถามที่กำลังจะถามหมดเลย
และก็เป็นแบบนี้อยู่สองสามครั้ง
ด้วยความอยากรู้ ก็เลยลองถามไปว่า 
เห็นความคิดคนอื่นออกมายังไง ลอยมาเลย หรือว่ารู้สึกได้เอง
เค้าก็บอกว่า มันรู้สึกได้เองเลย

ความรู้สึกแรกๆที่เกิดขึ้นคือ เจ๋งดีหว่ะ!!
แต่เมื่อลองมาคิดดูแล้ว ว่าการที่ได้รับรู้ความคิดอื่น มันจะดีจริงหรือ
อาจจะรู้สึกแย่ก็ได้ เมื่อได้รู้ถึงความคิดที่แท้จริงของมนุษย์
ที่ไม่ใช่สิ่งที่คนเราแสดงออกต่อกันด้านหน้า แต่เป็นภายใน 
และในเมื่อเพื่อนรู้ว่าเค้าอ่านความคิดได้ ก็พยายามที่จะปกปิดความคิดตัวเอง
หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือ พยายามอยู่ห่างๆ

สรุปแล้ว การอ่านความคิดคนอื่นได้ เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี
ถ้าเราไม่สามารถควบคุมมันได้???

วันพุธ, มิถุนายน 10, 2552

ต้นไม้ข้างถนน



เมื่อสองสามวันก่อน (อีกแล้ว)
นั่งรถกลับบ้านตัวเอง แถวๆพระราม 3 นั่งมองไปเรื่อย
ไปเจอต้นไม้ที่กทม.ปลูกไว้ข้างถนน ที่รากมันลงไปใต้กระเบื้องนั่นหล่ะ
ต้นใหญ่ๆ กิ่งก้านหนาๆ

แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือ... 
มันเพิ่งโดนตัดใบไปจนหมด เหลือแต่ก้าน กับ ลำต้น
ตอนแรกท่านแม่ของผมก็บอกว่า พวกที่ขายของแถวนั้นคงตัด
เพื่อไม่ให้มาบังร้านตัวเอง  
นี่ก็อาจจะเป็นความคิดในแวบแรกของคนที่ทำการค้ามาเกือบสามสิบปี 
เป็นความเคยชินที่มองอะไรก็อาจจะเกี่ยวกับการค้าขายไว้ก่อน
นับถือจริงๆจ้ะ

แต่พอขับรถผ่านไปเรื่อยๆ เฮ้ย ไม่ใช่แล้วนี่หว่า!!
มัน โกร๋นทุกต้นเลย ก็เลยพอเข้าใจได้ว่า ไอ้ก้านกับใบของต้นไม้
มันไปเกี่ยว เอาเข้ากับสายไฟบนเสาไฟฟ้า ซึ่งอาจจะทำให้ไฟดับได้

แต่ว่า ตัดไปแต่ใบเนี่ยนะ!!! เพื่อ...

ในแง่ทัศนียภาพ ทุเรศมากครับ! เห็นมากับตา 
ถ้าเป็นเรื่องที่เป็นสาเหตุทำให้ไฟดับ ก็เห็นด้วยที่ตัดใบทิ้ง
แต่ถ้าตัดทั้งต้นไปเลยหล่ะ... 
ต้นไม้ที่เหลือแต่ต้น จะช่วยกรุงเทพได้ในด้านไหนบ้าง
ให้ ออกซิเจน ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใบ
ช่วยดูดน้ำเวลาน้ำท่วม หรอ?  มันอยู่บนฟุตบาทหน่ะ น้ำคงไม่ท่วมไปถึงขนาดนั้นมั้ง
ทัศนียภาพก็ดูแย่ลงกว่าเดิม

ลองมาช่วยกันคิดหน่อยว่า มีด้านดี อะไรบ้าง


วันอังคาร, มิถุนายน 09, 2552

รถขายสติกเกอร์



เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเจอรถขายสติกเกอร์
ที่นานๆจะเจอสักทีนึง และ ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
รถขายสติกเกอร์ ก็คือ รถจักรยานที่ด้านหน้าต่อเป็นร้านขึ้นมา เพื่อวางของ
ทั้งคันจะขายสติกเกอร์อย่างเดียว เช่น รูปการ์ตูน รูปภาพ หรือ คำพูดต่างๆ

คำถามที่สงสัย ก็คือ
ทำไม รถขายสติกเกอร์ถึงมีรูปร่าง ลักษณะ คล้ายๆกันทุกคัน? 
ใครเป็นคนกำหนดลักษณะของมัน ว่าต้องมีสติกเกอร์ท่วมๆทั้งคัน!?

ทำไม ถึงต้องขายสติกเกอร์อย่างเดียว ไม่ขายอย่างอื่นด้วย?
ซึ่งน่าจะมีสินค้าอะไรที่ขายคู่กันได้อยู่
 
ในหนึ่งวัน จะมีใครต้องการสติกเกอร์ไปแปะอะไร ที่ไหน
ถึงกับสามารถทำเป็นอาชีพได้ 
(**ไม่ใช่ร้านสติกเกอร์ตามห้าง ที่สามารถออกแบบได้เอง)

คำตอบที่ลองตอบกับตัวเอง เช่น 
ถ้าเราขายสติกเกอร์คู่กับอย่างอื่น หรือ จัดให้แตกต่างกับคันอื่น 
เราอาจจะเป็นรถขายสติกเกอร์ที่น่าสนใจมากกว่าคันอื่นๆ
หรือ กลุ่มลูกค้าของรถขายสติกเกอร์อาจจะเป็น กลุ่มคนขับรถบรรทุก หรือ แท็กซี่ 
ที่แปะ คำพูดต่างๆ ไว้ท้ายรถ แต่คันละสองสามอันก็น่าจะพอนะ 
แล้วไปขายใครอีกหล่ะ??

ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนประกอบเล็กๆในชีวิตเรา ที่อาจจะไม่ได้สนใจและปล่อยมันผ่านไป 
แต่ถ้าเราลองสังเกตดูและคิดต่อ ก็อาจจะได้อะไรๆมากขึ้น

...